
เมื่ออายุมากขึ้นโ ร ค ต่างๆก็ถามหามากขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นเราควรหันมาใส่ใจและดูแลตัวเอง เพราะเมื่อเรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงนั้น ก็จะทำให้เราห่างไกลจากโ ร ค ร้ายต่างๆได้
วันนี้เรามีสุดยอดยาดีที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้แต่มีอยู่ในครัวของคุณ นั้นก็คือ นมต้มกระเทียม แค่รู้วิธีทำ และทำอย่างถูกวิธี ดื่มอย่างถูกวิธี แค่นี้ก็สามารถ ป้ อ ง กั น โ ร ค ร้ายได้กว่า 10 โ ร ค เลยทีเดียว พูดไปแล้วจะหาว่าโม้ ว่าแล้วไปชมกันเลยค่ะ
นมต้มกระเทียม ที่กำลังนิยมและให้ความสนใจปรุงดื่มกันอย่างแพร่หลาย เพราะคุณค่าของกระเทียมที่มีประโยชน์มากมาย บวกกับความง่ายต่อการปรุงเป็นเครื่องดื่มให้กับเด็กๆและผู้สูงอายุได้ดื่มอุ่นๆ ทั้งเวลาเช้าและก่อนนอน
สำหรับส่วนผสมก็มีเพียง 3 อย่าง
1. นมจืด ขนาดครึ่งลิตร หรือจะลองเปลี่ยนเป็นนมโคชนิดใดรสใดก็ได้ตามร้านสะดวกซื้อ แล้วแต่ผู้ดื่มชอบ
2. กระเทียม 2 หัว แนะนำแบบกลีบใหญ่ปลอกเปลือกและสับให้ละเอียด
3. น้ำเปล่า ปริมาณครึ่งหนึ่งของปริมาณน้ำนม
ขั้นตอนการปรุง
– เทน้ำเปล่ากับกระเทียมสับใส่หม้อ ตั้งไฟต้มรอจนน้ำเดือดจึงเทนมใส่
– ต้มต่อและคนผสมให้น้ำและนมเข้ากันจนเป็น เ นื้ อ เดียวกัน
– เคี่ยวส่วนผสมให้เดือดอีกครั้งจนน้ำนมข้นขึ้น จึงปิดไฟ
– พักไว้สักครู่พร้อมเสริฟให้ดื่มในขณะที่ยังอุ่นๆ จะได้ประโยชน์และได้รสชาติดีที่สุด ซึ่งหลังการปรุงจะได้ปริมาณน้ำนมต้มกระเทียม 2 แก้วมัค
“น้ำนมต้มกระเทียม” จริงๆ แล้ว เ นื้ อ กระเทียมนั้น หากทานต่อเนื่องในปริมาณหนึ่งจะให้ประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะกินสดๆ เลยหรือจะนำมาเป็นส่วนประกอบในการปรุง อ า ห า ร
แต่ไม่ควรกลืนทั้งกลีบเพราะจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เพราะ ส า ร Allicin ในกระเทียมจะเกิดขึ้นเมือกลีบกระเทียมถูกตัดหรือถูกทำให้ช้ำแล้วเท่านั้น
และสำหรับการดื่ม น้ำนมต้มกระเทียม จะสามารถ ช่ ว ย รั ก ษ า และป้ อ ง กั น โ ร ค ต่างๆ ได้ดังนี้
ป้ อ ง กั น โ ร ค ไข้ ห วั ด
เมื่อดื่ม 1 แก้วต่อวัน ติดต่อกัน 12 สัปดาห์ จะมีจำนวนวันที่เป็นไข้น้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่ม จนถึงไม่เป็นไข้ ห วั ด เลย
ป้ อ ง กั น โ ร ค เ บ าห ว า น
เมื่อดื่ม 3 แก้วต่อวัน มีผลต่อการลดระดับน้ำตาลกลูโคส ใน เ ลื อ ด เนื่องจาก ส า ร เอส-อัลลิล-แอล-ซีสเทอีน ในกระเทียมจะ ช่ ว ย กระ ตุ้ น การหลั่งฮอร์โมนอินซูลินจากตับอ่อนมากขึ้น
ซึ่งจะ ช่ ว ย เพิ่มความสามารถในการควบคุม ระดับน้ำตาลกลูโคสใน เ ลื อ ด ได้ดียิ่งขึ้น
ป้ อ ง กั น โ ร ค หอบหืด
เมื่อดื่ม 1/2 แก้วต่อวัน จะ ช่ ว ย บรรเทาอ า ก า ร หอบหืดและเมื่อดื่มอย่างต่อเนื่องจะ ช่ ว ย ลดจำนวนครั้งที่กิดอ า ก า ร ได้อย่างดี
ป้ อ ง กั น โ ร ค ความดันโลหิต
เมื่อดื่ม 3 แก้วต่อวัน ต่อเนื่องอย่างน้อย 12 สัปดาห์ พบ ว่ามีค่าความดันซิสโตลิก (Systolic Blood Pressure) ลดลงเฉลี่ย 8.6 มิลลิเมตร- ปรอท
และค่าความดันไดแอสโตลิก (Diatolic Blood Pressure) ลดลงเฉลี่ย 7.3 มิลลิเมตรปรอท เมื่อเทียบกับผู้เป็นโ ร ค ความดันโลหิตสูง ที่ไม่ได้รับประทาน
ป้ อ ง กั น เส้น เ ลื อ ด ใน ส ม อ ง แตก
เมื่อดื่ม 2 แก้วต่อวัน ช่ ว ย ลดระดับโฮโมซีสเทอีนใน เ ลื อ ด ได้ในภาวะการขาดโฟลิก หากรับประทานกระเทียมเป็น ประจำ ช่ ว ย ชะลอการเกิดภาวะแคลเซียมสะสมใน ห ลอ ด เ ลื อ ด หัวใจ ซึ่งภาวะนี้เป็นปัจจัย หนึ่งที่ทำให้ ห ลอ ด เ ลื อ ด แดงหัวใจแข็ง
ป้ อ ง กั น หัวใจเต้นผิดปกติ
เมื่อดื่ม 2 แก้วต่อวัน มีประสิทธิภาพมาก ช่ ว ย ลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีและ ช่ ว ย ป้ อ ง กั น การอุดตันในเส้น เ ลื อ ด ทำให้ระบบ เ ลื อ ด ไหลเวียนดีขึ้น
และถ้าใช้กระเทียมกับนมไขมันต่ำจะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับการแก้ปัญหาการเต้นของหัวใจ
ป้ อ ง กั น โ ร ค ดีซ่าน
เมื่อดื่ม 1 แก้วต่อวัน ติดต่อกันอย่างน้อย 4-5 วัน จะ ช่ ว ย กระ ตุ้ น เอนไซม์ และลดไขมันในตับ ช่ ว ย ให้ล้าง ส า ร พิ ษ ออกจากร่างกาย และยัง ช่ ว ย เพิ่มการผลิตน้ำดีให้มีประสิทธิภาพอีกด้วย
ป้ อ ง กั น ไขมันใน เ ลื อ ด
เมื่อดื่ม 2 แก้วต่อวัน ติดต่อกันอย่างน้อย 1 สัปดาห์ จะ ช่ ว ย ลดระดับคอเลสเตอรอลและ ไตรกลีเซอไรด์ใน เ ลื อ ด และยังส่งผลดีเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่กำลังต้องการ ลดความอ้วน-ลดน้ำหนัก
เพราะระดับของลิโพโปรตีนใน เ ลื อ ด (LDL) หรือคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีจะลดลงและจะเพิ่มระดับของลิโพโปรตีน (HDL) หรือคอเลสเตอรอลที่ดีในร่างกายของคุณแทน
รั ก ษ า อ า ก า ร เพลียอ่อนล้าง่าย
เมื่อดื่ม 1 แก้วต่อวัน อย่างต่อเนื่องจะ ช่ ว ย กระ ตุ้ น ให้ระบบไหล เวียนโลหิตเพิ่มการขนส่ง ส า ร อ า ห า ร สู่อวัยวะต่างๆ ที่ทำงานหนักและอ่อนล้า โดยเฉพาะ ส ม อ ง ปอด กล้าม เ นื้ อ และหัวใจ
โดยกระเทียม ช่ ว ย กระ ตุ้ น ให้กล้าม เ นื้ อ ขจัดของ เสียที่เกิดขึ้นจากใช้งานหนักเป็นเวลานาน ช่ ว ย ทำให้กล้าม เ นื้ อ คลายตัว ทำให้ร่างกาย รู้สึกผ่อนคลาย ช่ ว ย ฟื้นฟูสภาพร่างกายเมื่อเกิดอ า ก า ร อ่อนล้า
รั ก ษ า โ ร ค ลำไส้กระเพาะ อั ก เ ส บ
เมื่อดื่ม 2 แก้วต่อวัน ต่อเนื่องตลอด 3 เดือน จะ ช่ ว ย รั ก ษ า อ า ก า ร อั ก เ ส บ ของแผลในกระเพาะ อ า ห า ร และลดการบีบตัวของลำไส้
เนื่องจากสมดุลย์ของเอนไซม์และระดับ prostaglandin E2 และ prostaglandin F2a ใน เ ลื อ ด ลดลง ทั้งยัง ช่ ว ย ลดอ า ก า ร จุก เ สี ย ด แน่นในผู้ ป่ ว ย ที่เป็นโ ร ค กระเพาะอยู่แล้วอีกด้วย
ขอบคุณที่มาข้อมูล bangpunsara