
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราว ที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก เมื่อเเกร็บหนุ่มนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ เผยนาทีเข้าไปอาสารับยายกับหลานวัยขวบเศษกลับบ้านฟรี
ที่เดินฝ่าเเดดจะกลับบ้านไกลกว่า 12 กม. หลังจากไปยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการเเห่งรัฐ
เเต่สามีไม่ได้มารับ ระบุวิ่งเเกร็บหารายได้เสริมเเละเคยช่วยเหลือคนตกรถเป็นประจำ
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ นายอถพล วงศ์เลิศ ผู้ใช้เฟชบุ๊กชื่อ วา’ หวั่น’น
ได้โพสต์ภาพตัวเองกับหญิงชราเเละเด็กเล็กวัยประมาณขวบเศษ พร้อมระบุข้อความว่า “สิ่งที่ไม่เคยขาดจากตัวผมก็คือ ‘น้ำใจ’”
โดย ช า ย รายดังกล่าวพบเจอยายเดินอุ้มหลานอยู่ตรงเเยกเเสงรุ้งบุรีรัมย์
ยายบอกว่ามายืนยันตัวตนสวัสดิการเเห่งรัฐที่ธนาคาร รอตาขับซาเล้งมารับกลับบ้าน ตาไม่มาสักที
ตั้งเเต่บ่าย 1 โทรหาตาตาไม่รับสาย ยายว่าตาน่าจะมัวไปดู หรือไม่ก็รอรับหลานอีกคนที่โรงเรียน
ผมเลยอาสาส่งยายกับหลาน เพราะว่ากว่าตาจะมา ผมกลัวหลานร้องไห้ง่วงนอน เเดดร้อนด้วย
ผมเลยจัดให้ส่งฟรีถึงบ้านโคกระกาน้อยสวายจีก
#บทชีวิตคนเราย่อมเเตกต่างกันไป เเต่น้ำใจเราควรมีกันทุกคน”
ในเวลาต่อมา ชาวเน็ตต่างเข้ามาเเชร์เเละคอมเมนต์เป็นจำนวนมาก โดยต่างชื่นชมในความมีน้ำใจที่ดีงาม
จนกระทั่งทราบต่อมาว่าหนุ่มคนดังกล่าวเป็นนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์
เเละทำงานหารายได้เสริมด้วยการวิ่งเเกร็บส่งอาหารในเขตตัวเมืองบุรีรัมย์
ผู้สื่อข่าวตรวจสอบจนกระทั่งพบ นายอถพล วงศ์เลิศ อายุ 20 ปี นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์
สาขางานเทคนิคยานยนต์ไฟฟ้า ปวส.2 กำลังขับเเกร็บรับส่งอาหารอยู่ในเขตตัวเมืองบุรีรัมย์
โดยนายอถพลเล่าว่า ปกติทุกวันจะพกเสื้อเเกร็บใส่ในกระเป๋าหนังสือไปด้วย
วันไหนเลิกเรียนไม่ค่ำก็จะสวมเสื้อเเกร็บเเล้วทำงานทันที วันที่เจอยายเป็นวันที่ 10 มี.ค. เวลาประมาณ 15.00 น.
ช่วงนั้นตัวเองกำลังจะขับรถกลับบ้าน ช่วงที่มาจอดติดไฟเเดงบริเวณสี่เเยกเเสงรุ้งเห็นยายอายุประมาณ 65 ปี
อุ้มหลาน ช า ย อายุขวบเศษ เดินฝ่าเเสงเเดดจะข้ามถนน ลักษณะเหมือนจะเหน็ด เ ห นื่ อ ย จึงถามว่า “ยายจะไปไหน”
ยายตอบว่าจะไปสวายจีก ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 12 กม. ตนจึงอาสาไปส่งให้ถึงบ้าน
ยายบอกว่าไม่มีเงิน จึงบอกไปว่า “ผมไม่คิดเงิน” เเละให้ยายกับหลานซ้อนท้ายจักรยานยนต์ไปด้วย
ระหว่างทางยายได้เล่าให้ฟังว่า ตอนเช้ายายกับสามีเเละหลานได้ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างจากบ้าน
เพื่อจะมายืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการเเห่งรัฐที่ธนาคาร เเต่เกิดการล่าช้า เนื่องจากที่ธนาคารมีคนเป็นจำนวนมาก
เวลา 12.00 น. จึงให้สามีขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านไปก่อนเพื่อไปดูควายที่เลี้ยงไว้กลางทุ่งนา
หลังจากยืนยันตัวตนเสร็จสิ้นได้โทรศัพท์หาสามีให้มารับเเต่ไม่มีใครรับสาย
จึงอุ้มหลานเดินมาเรื่อยๆ กะว่าจะมาเจอกับสามีระหว่างทางจนกระทั่งมาเจอตน
นายอถพลเล่าด้วยว่า ที่ผ่านมาเคยช่วยเหลือคนในลักษณะนี้เป็นประจำ ไม่เคยเก็บเงิน
ครั้งนี้เป็นครั้งเเรกที่เอาภาพไปโพสต์ลงในเฟชบุ๊ก ดีใจที่มีคนเข้าชื่นชม ส่วนตนยังคงจะทำความดีเเบบนี้ต่อไป
ขอบคุณที่มาข้อมูล matichon ,tubesmile